10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคต

สวทช. เผย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคต มีผลต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันในอนาคต 4 สาขา ขณะที่เว็บ 3.0 จอแสดงภาพ 3 มิติ และกราฟีน ติดท็อปท...

สวทช. เผย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคต มีผลต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันในอนาคต 4 สาขา ขณะที่เว็บ 3.0 จอแสดงภาพ 3 มิติ และกราฟีน ติดท็อปทรี...

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคต โดยนำเสนอเทคโนโลยีใน 4 สาขาที่กำลังได้รับความสนใจ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านพลังงานสะอาด ด้านวัสดุศาสตร์ และด้านไอที โดยเทคโนโลยีที่นำเสนอในปี 2554 นี้ จะมีบางเทคโนโลยีที่ต่อเนื่องจากปี 2553 ที่ผ่านมา และมีบางเทคโนโลยีที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทุกท่านจะต้องติดตาม รับรู้ และจับตามอง เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้อาจมีผลต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันของท่านในอนาคต

10 เทคโนโลยีนี้ ได้แก่

ด้านสุขภาพ

อันดับ 10.อวัยวะซ่อมเสริมเติมสร้าง ศาสตร์แห่งการสร้างอวัยวะซ่อมเสริมเติมสร้างหรืออวัยวะเทียม เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จะช่วยให้มนุษย์มีอายุยืนมากขึ้น เพื่อสนับสนุนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ

9.ระบบส่งยานำวิถีด้วยนาโน เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ยาที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถนำส่งยานั้นไปสู่ต้นตอของโรคได้ดีขึ้น ทั้งนี้ระบบที่เตรียมขึ้นเพื่อใช้เป็นพาหะในการนำส่งยาหรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเข้าสู่ร่างกาย โดยสามารถควบคุมการปลดปล่อย หรือเพื่อให้นำสู่เป้าหมายที่ต้องการได้เฉพาะเจาะจง โดยมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด รวมไปถึงสามารถติดตามผลของการรักษาได้อย่างต่อเนื่องด้วย

8.จิโนมิกส์ส่วนบุคคล เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ โดยใช้เทคนิคการหาลำดับเบสของสารพันธุกรรม โดยสามารถพิจารณาความเสี่ยงของการเกิดโรค การแพ้ยา และการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ รวมถึงสามารถใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมในการพัฒนายาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลหรือกลุ่มประชากรได้

ด้านกรีนเอ็นเนอร์ยี่ 

7.ก้าวใหม่ของพลังงานชีวภาพ การพัฒนาเอทานอลจากวัสดุเซลลูโลส เช่น เศษวัสดุการเกษตร พืช/ไม้โตเร็ว เป็นทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการขาดแคลนพลังงาน ปัญหาโลกร้อน และข้อขัดแย้งเรื่องการแย่งชิงพืชอาหารเพื่อผลิตพลังงานในปัจจุบันได้

6.เซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง ชนิดรอยต่อแบบเฮเทอโร เป็นเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกซิลิคอนที่มีประสิทธิภาพสูงและมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงเมื่อเทียบกับเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกซิลิคอนทั่วไป ทำให้มีความเหมาะสมสำหรับภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย

ด้านวัสดุศาสตร์ 

อันดับที่ 5.พลาสติกฐานชีวภาพ จากแหล่งวัตถุดิบที่เป็น renewable resources ที่มีทั้งที่เป็นประเภทย่อยสลายได้และย่อยสลายไม่ได้ แล้วแต่ประเภทและการใช้งาน โดยพลาสติกชีวภาพจะช่วยแก้ปัญหาของปริมาณวัตถุดิบจากปิโตรเลียมที่มีจำกัด และลดปัญหาโลกร้อนที่เกิดจากกระบวนผลิตอีกด้วย

4. จีโอพอลิเมอร์ เป็นวัสดุจำพวกอะลูมิโนซิลิเกต ที่มีสมบัติทางกลดีมาก ทนไฟ และทนทานต่อสารเคมี นอกจากนี้กระบวนการผลิตจีโอพอลิเมอร์นั้นไม่ยุ่งยาก ใช้พลังงานต่ำ และยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้นจีโอพอลิเมอร์จึงเป็นวัสดุและเทคโนโลยีที่น่าจับตาและมีแนวโน้มที่จะนำมาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต

3.กราฟีน คือ วัสดุมหัศจรรย์ที่มีคุณสมบัติหลายอย่าง อาทิ แข็งกว่าเหล็กกล้าและแม้แต่เพชร ยืดหยุ่นได้ถึง 20% นำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง และโปร่งแสงอีกด้วย จากคุณสมบัติดังกล่าว จึงสามารถนำกราฟีนไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย เช่น สามารถเป็นได้ทั้งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จอภาพที่ใช้งานด้วยการสัมผัส โทรศัพท์มือถือ และชิปคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง เซ็นเซอร์ตรวจวัด และเป็นโซลาร์เซลล์ เป็นต้น

ด้านเทคโนโลยี 

อันดับที่ 2.จอแสดงภาพสามมิติ ปัจจุบันใช้หลักการมองเห็นภาพแบบ Stereoscopy และ Parallax มาผสมผสานเข้ากับหน่วยแสดงจอแสดงผลแบบผลึกเหลว จอพลาสมาและฉากรับภาพ โดยการเติบโตและการประยุกต์ใช้จอแสดงภาพ 3 มิติจะเกิดขึ้นเมื่อจอแสดงภาพ 3 มิตินั้นเป็นแบบไม่ใส่แว่นหรืออุปกรณ์เสริมจากภายนอก

และอันดับ 1.จากเว็บไซต์สู่เว็บเชิงความหมาย เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตอันใกล้ คือ เว็บ 3.0 หรือ Semantic Web หมายถึง เทคโนโลยีที่มีแนวคิดที่จะเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน เว็บไซต์อยู่ในรูป Read-Write-Relate นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถจัดการกับเว็บไซต์ของตนเองได้อย่างอิสระ (Read-Write-Execute)

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญของ Semantic Web คือ การเชื่อมโยงนั้นจะเป็นการเชื่อมโยงเนื้อหา ไม่ใช่รูปแบบหรือลิงก์อย่างที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดเบื้องหลังคือ ออนโทโลยี และแสดงผลบนมาตรฐาน ได้แก่ RDF (Resource Definition Framework) หรือ OWL (Ontology Web Language) นั่นเอง

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์