Huawei P8 สอยมาแหละ

1. ตัวเครื่องเรียบหรู บอดี้โลหะ Huawei P8 ได้รับการออกแบบใหม่ตามสมัยนิยมที่หลายคนน่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ด้วยบอดี้หรือตัวเครื่องที่เป็...

1. ตัวเครื่องเรียบหรู บอดี้โลหะ

Huawei P8 ได้รับการออกแบบใหม่ตามสมัยนิยมที่หลายคนน่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ด้วยบอดี้หรือตัวเครื่องที่เป็นโลหะทั้งตัวไร้รอยต่อ (All-metal unibody) เช่นเดียวกับ HTC One M9 หรือ Samsung Galaxy S6 ทำให้รุ่นนี้ดูพรีเมียมมากขึ้น

2. บางเพียง 6.4 มม.

Huawei P8 มีตัวเครื่องที่บางมากเพียง 6.4 มม. มีขนาดตัวเครื่องกว้าง x ยาวอยู่ที่ 144.9 x 72.1 มม. และหนัก 144 กรัม แต่ถึงแม้จะมีความบางมากแต่ก็ใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 2,680 mAh

3. หน้าจอ 5.2 นิ้ว Full HD (424 PPI)

หน้าจอของ Huawei P8 มีขนาด 5.2 นิ้ว ด้วยการออกแบบให้ขอบจอมีความบางมาก จึงมีสัดส่วนหน้าจอประมาณ 78.3% ของตัวเครื่อง และแม้จะเป็นหน้าจอแบบ Full HD (1080 x 1920 พิกเซล) แต่ความแน่นแน่นของจุดพิกเซลอยู่ที่ประมาณ 424 พิกเซลต่อนิ้ว ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก และหน้าจอยังครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 3

4. Android 5.0.1 Lollipop กับ EMUI 3.1

Huawei P8 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซ EMUI 3.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เรียบง่าย ทำงานลื่นไหนกว่าเดิม และเพิ่มฟีเจอร์เกี่ยวกับท่าทางใหม่ด้วย คือ Knuckle Gestures การเคาะนิ้ว 2 ครั้งเพื่อจับภาพหน้าจอและลากนิ้วเพื่อตัดภาพ

EMUI มีธีมให้โหลด มากกว่า 70 แบบ และจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล

5. HiSilicon Kirin 930 ตัวใหม่

Huawei P8 ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่พัฒนาเองคือ HiSilicon Kirin 930 สถาปัตยกรรม 64 บิต, ซีพียู Octa-core (Quad-core Cortex-A53 ความเร็ว 2 GHz กับ Quad-core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) ทาง Huawei เคลมว่าประมวลผลเร็วแรงกว่าเดิมถึง 80% และหน่วยประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับชิปตัวเก่าที่ใช้บน Mate 7

6. กล้อง 13 ล้านพิกเซล RGBW

กล้องหลังของ P8 มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ผลิตโดย Sony มีระบบกันภาพสั่นไหว (OIS มาพร้อมเทคโนโลยีเซ็นเซอร์สี่สี RGBW ซึ่งเพิ่มส่วนของ White pixels มาช่วยปรับปรุงความคมชัดของภาพ ทำให้ภาพที่ได้นั้นคมชัดขึ้น เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่า และสว่างกว่าระบบ RGB แบบเดิมถึง 32% นอกจากนี้ยังค่ารูรับแสง f/2.0 ในขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ด้วยซอฟแวร์ถ่ายภาพสุดยอดอัจฉริยะของ Huawei P8 ได้ออกแบบให้สามารถสแกน QR code ได้โดยไม่ต้องใช้แอพพลิเคชั่นอื่น ๆ เลย เพียงแค่ถ่ายภาพที่มี QR code แล้วแตะที่รูป จะมีปุ่ม view details ขึ้นมา แค่นี้คุณก็สามารถเข้าลิ้งก์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย แทนการเก็บ url ที่ยืดยาวได้แล้ว

7. แฟลช True Tone

แฟลช True Tone ก็คือไฟแฟลชจำนวน 2 ดวง โดยดวงหนึ่งให้แสงโทนเย็นและอีกดวงหนึ่งจะให้แสงโทนอุ่น เมื่อถ่ายภาพด้วยแฟลชชนิดนี้จะทำให้ภาพที่ได้จะให้ความรู้สึกที่มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ไม่ขาววอกเหมือนแฟลชแสงขาวดวงเดียว

8. เก็บภาพอักษรไฟด้วย Slow Shutter

ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ใหม่อะไรเพราะมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นจากค่ายอื่นทำได้แล้ว แต่ใหม่สำหรับ Huawei P8 ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นการเปิดหน้ากล้องได้นานขึ้นเพื่อเก็บแสงไฟยามค่ำคืน ทำให้เราสามารถใช้ลูกเล่นการวาดด้วยแสงไฟได้นั่นเอง หรือจะใช้เก็บภาพแสงไฟรถยนต์ตอนวิ่งก็ได้เช่นกัน

9. โหมด Director

Huawei P8 มีโหมดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โหมด Director ซึ่งเป็นการถ่ายวิดีโอด้วยกล้อง 3 ตัวจาก 3 สมาร์ทโฟนในมุมที่แตกต่างกัน โดยผู้ใช้สามารถควบคุมหรือเลือกตัดฉากไปยังกล้องตัวไหนก็ได้ เสมือนว่ากำลังถ่ายทำภาพยนต์หรือถ่ายคอนเสิร์ตอยู่นั่นเอง

10. Perfect Selfie

ฟังก์ชั่นนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบ Selfie เพราะ P8 รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล นอกจากกล้องจะคมชัดแล้ว ยังสามารถปรับภาพให้เจ้าของเครื่อง หล่อ สวย ได้โดยอัตโนมัติ  ไม่ว่าจะถ่ายเองคนเดียว หรือถ่ายเป็นกลุ่ม สมาร์ทโฟน P8 ก็จะสามารถจดจำใบหน้าของเจ้าของได้

สวยไม่ต้องศัลย์ กล้อง P8 สามารถทำให้คุณสวยได้ แบบสวยคนเดียว!! เพียงแค่คุณเข้าไปตั้งค่าให้เครื่องได้จดจำใบหน้าของคุณไว้ก่อน แค่นี้ก็เตรียมรับ LIKE อย่างถล่มทลายได้เลย

11. Time-lapse

เป็นการถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็ว หลายคนน่าจะเคยวิดีโอแบบนี้กันบ้างแล้ว ที่วิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว ๆ เช่น วิดีโอเร่งความเร็วตอนพระอาทิตย์ตกดิน, การงอกของถั่ว และอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้ Huawe P8 สามารถทำได้แล้ว

12. สัญญาณมือถือไม่ลด และรองรับ 2SIM 4G

Huawei P8 รองรับเครือข่าย 4G ทั้ง 2 ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด แต่ต้องเลือกว่าจะใส่ซิม 2 หรือใส่ microSD และด้วยตัวเครื่องที่เป็นโลหะพร้อมกับเสาอากาศเล็กที่ตัวเครื่องซึ่งทาง Huawei บอกว่าไม่ทำให้สัญญาณมือถือลดลงอย่างแน่นอน และในส่วนของ WiFi ก็ได้นำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Wi-Fi Signal+ เข้ามาใช้งานด้วย ซึ่งช่วยให้ค้นหาและรับสัญญาณได้ดีกว่าเดิม

อยู่บ้าน - ไปทำงาน - ไปออฟฟิศลูกค้า - ไปบ้านแฟน ถ้าต้องคอยปิด-เปิด Wifi อยู่ตลอดก็คงจะน่ารำคาญ Wifi+ จะช่วยคุณจดจำตำแหน่ง(GPS) ว่าเมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งที่เคยต่อ Wifi มาแล้ว จะช่วยเปิดรับสัญญาณ Wifi ให้อัตโนมัติ 

13. Dolby Digital Plus

ระบบเสียง Dolby Digital Plus เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก Dolby Digital EX โดยเพิ่มช่องสัญญาณเป็น 7.1 CH ทำให้สัญญาณเสียงแบบเซอร์ราวด์ทำได้ดีกว่า EX

ที่มา:

• http://pantip.com/topic/33516099